เหตุไฟไหม้รถ นั้นนับเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของรถทุกคน สำหรับหลาย ๆ คน รถยนต์คือปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต วึ่งกว่าจะเก็บหอมรอมริบเพื่อให้ได้รถยนต์มาใช้สักคันนั้นแสนลำบากใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้าทำประกันไว้ก็จะช่วยได้เยอะมากค่ะ

ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่ารถไฟไหม้ ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง เพื่อป้องกันก่อนจะเกิดกับตัวเอง

สำหรับคนขับรถทุกท่าน คงเคยได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถไฟไหม้ผ่านตากันอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งหลายคนคงอยากรู้ว่าอยู่ดี ๆ การที่ รถยนต์ ไฟไหม้เองนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร และควรปฏิบัติอย่างไรถ้าหากรถของเราเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ไปอ่านกันเลยค่ะ

โดยอุบัติเหตุ รถไฟไหม้ นั้นเกิดได้จากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน และหลาย ๆ สาเหตุก็เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษารถยนต์ รวมถึงการใช้งานอุปกรณ์ภายในรถอย่างผิดประเภทด้วย วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลว่าอะไรที่ทำให้รถยนต์เกิดไฟไหม้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้รถเราต้องทำอย่างไร

แล้วอะไรล่ะที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถยนต์เกิดเพลิงไหม้ ?

1. ระบบเชื้อเพลิงรั่ว

สถิติส่วนใหญ่พบว่าการรั่วไหลของเชื้อเพลิงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถไฟไหม้ ซึ่งหากมีการรั่วไหลของเชื้อเพลิง พร้อมกับประกายไฟต่างๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดเปลวไฟได้ค่ะ

โดยการตรวจสอบเบื้องต้นหากได้กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงจากรถยนต์ขณะขับรถให้รีบหาที่จอดรถในที่ปลอดภัย และออกไปจากรถในระยะที่ปลอดภัย รวมถึงเมื่อได้กลิ่นน้ำมันจากตัวรถอย่างผิดสังเกตในขณะที่รถจอดอยู่ ก็ควรรีบปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบ

2. ระบบไฟฟ้าขัดข้อง

ระบบไฟฟ้าที่ผิดปกติ และการเดินสายไฟที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟไหม้รถยนต์ได้เช่นขั่วแบตเตอรี่ไม่แน่น, สายไฟขาด , หรือแม้แต่หลอดไฟที่ชำรุดก็สามารถเป็นแหล่งกำเนิดประกายไฟได้ค่ะ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ขณะที่อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟอาจเสื่อมสภาพ ซึ่งคุณก้จะต้องหมั่นดุแลตรวจสอบ และบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงไม่ควรดัดแปลงระบบไฟฟ้าเองนะคะ

3. การรั่วซึมของระบบของเหลว

สิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์มักจะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือ อาการน้ำมันรั่วของรถไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, หรือน้ำยาหล่อเย็น เพราะถ้าแม้ดูเหมือนจะรั่วเล็กน้อย แต่มันก็อาจกลายเป็นเรื่องร้ายแรงได้ เพราะหากรั่วไปโดนกับท่อไอเสียที่ร้อนจัดของรถยนต์ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดประกายไฟ และลุกไหม้ขณะที่รถกำลังทำงานอยู่ได้นะคะ

4. เครื่องยนต์ร้อนจัด

หากเครื่องยนต์รถของคุณร้อนเกินไป มันอาจส่งผลให้ของเหลวเพิ่มขึ้นถึงอุณหภูมิที่เป็นอันตรายได้ค่ะ

5. การบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม

การตรวจเช็กสภาพรถตามกำหนดเวลามีความสำคัญมาก เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำรุงรักษารถยนต์เน้นเรื่องนี้กันมากก็เพราะ หากคุณไม่นำรถไปตรวจเช็กสภาพตามระยะก็อาจเกิดปัญหากับรถของคุณได้ค่ะ

6. ขวดน้ำพลาสติก

การทิ้งขวดน้ำไว้ในรถอาจฟังดูไม่อันตราย แต่ก็อย่าประมาทนะคะ เพราะการทิ้งขวดน้ำพลาสติกไว้ในรถที่ร้อนจัดในบริเวณที่แสงแดดส่องกระทบโดยตรงถึงขวดน้ำ ก็จะกลายเป็นเหมือนแว่นขยายรวมแสงไปที่จุดเดียว ทำให้เกิดความร้อนค่ะ และถ้าหากไปตกกับวัตถุที่ติดไฟ ก็อาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ภายในไม่กี่นาทีค่ะ

7. สิ่งของอันตรายอื่น ๆ

ยังมีสิ่งของอื่น ๆ ที่อันตรายที่อาจทำให้รถยนต์เกิดไฟไหม้ได้อย่างเช่น ไฟแช็ก, ของที่มีประจุแบตเตอรี่อย่าง พาวเวอร์แบงก์, โทรศัพท์มือถือ, บุหรี่ไฟฟ้า, สายชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน, และสเปรย์กระป๋องค่ะ

หากรถเกิดเพลิงไหม้ไปแล้วควรทำอย่างไรเมื่อไฟไหม้ ?

ถ้าหากคุณได้กลิ่นไหม้ หรือกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ขณะขับรถอยู่ คุณควรจอดรถ ดับเครื่องในจุดที่ปลอดภัยทันทีแล้วรีบตรวจดูเบื้องต้นก่อนค่ะ ซึ่งหากพบว่ามีไฟลุกเพียงเล็กน้อยให้ควบคุมเพลิงด้วยตนเองในเบื้องต้น โดยใช้ถังดับเพลิงเคมีฉีดพ่นบริเวณต้นเพลิงให้ดับสนิทค่ะ ส่วนรถที่ติดตั้งระบบก๊าซ ให้ปิดสวิตช์เพื่อตัดการทำงานของระบบก๊าซค่ะ

แต่หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ให้รีบออกห่างจากตัวรถ ควรอยู่ในที่ปลอดภัย หลังจากนั้นให้รีบแจ้งขอความช่วยเหลือโดยโทรแจ้ง เหตุด่วนเหตุร้าย 191, ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ 199 หรือ สายด่วนนิรภัย 1784 ค่ะ

หากเพื่อนๆ สนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประกันภัย หรือบริการด้านต่างๆของเรา สามารถติดต่อเราได้ที่โทร. 02-759-9400, 094-964-5464 แอดไลน์ @insurefriend หรือการสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่างนะคะ

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก gulfnews.comkelnerlaw.comdisaster.go.th